รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
ตอนนี้นายเหว่บู๋คนนี้ เขาอ้างว่า เขาเป็นลูกศิษย์ของฉันด้วย เขายืนยันว่าเขาเป็นลูกศิษย์ของฉัน ในตอนแรก ฉันเห็นแค่การเขียนดี ๆ บางอย่าง เช่น การสรรเสริญฉัน และอื่น ๆ แต่ต่อมาฉันพบว่า เขาพยายามผูกมิตรกับฉัน ด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่เขาใช้วิธีที่ไม่ซื่อสัตย์นัก ซิกแซก อย่างเช่น เขาเปลี่ยนพระสูตรตัวอย่างเช่น อวตังสกสูตร – หรือเรียกอีกอย่างว่า "คัณฑวยูหสูตร" – ในบทที่ 39 เขาระบุฉันว่าเป็น "ซูมา" หญิงผู้ยิ่งใหญ่ ผู้มีพลังอันเหลือเชื่อ ด้วยคำปฏิญาณของท่าน ฉันมีพลังอันเหลือเชื่อเหล่านี้ ที่พระเจ้าประทานให้ ขอบคุณพระเจ้า และขอบคุณอาจารย์ทุกท่าน ผู้สนับสนุนและมอบ บุญกุศลมากมายให้กับฉัน ดังนั้นมันดูเหมือนกันบางส่วน ส่วนเล็ก ๆ ที่เหมือนกัน คุณอาจคิดแต่ผู้หญิงคนนี้ ไม่ได้ชื่อ ซูมา ในคัณฑวยูหสูตร ชื่อของท่านคือ วาสุมิตรา และเขาเปลี่ยนให้เป็น "วซูมาตรา" บางทีเขาอาจเรียนรู้ จาก เจิ่นตัม โดยเอาชื่อตรงกลาง และมาใช้เรียก พระโพธิสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่นั้นว่า "ซูมา" แล้วเชื่อมโยงท่านกับฉัน เหมือน ซูมาชิงไห่ แล้วในพระสูตร ปกติ มันคือวาสุมิตรา โดยมีตัว "ไอ" ไม่ใช่ "เอ" วี-เอ-เอส-ยู-เอ็ม-ไอ-ที-อาร์-เอ จึงเป็น วาสุมิตรา ไม่ใช่ วซูมาตรา และเขาเปลี่ยน แก้ไขนามของ พระโพธิสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่องค์นั้น เพื่อจะเชื่อมโยง กับฉันได้
เวอร์ชันภาษาสันสกฤต ของอวตังสกสูตร บทที่ 39 ส่วนที่ 28 ส่วนนี้อ้างอิง ถึงชื่อต่อไปนี้ซ้ำ ๆ รวมถึงในชื่อเรื่องด้วย: वसुमित्रा ซึ่งในอักษรโรมัน สะกดว่า: วาสุมิตรา ตามพจนานุกรม ภาษาสันสกฤตผสมของศาสนาพุทธ เอ็ดเจอร์ตัน วาสุมิตราเป็นชื่อ ของภควตี (เทพเจ้าหญิง) อย่างไรก็ตาม คำว่า “วซูมาตรา” ซึ่งสะกด ด้วย “เอ” แทนที่จะเป็น “ไอ” ไม่ปรากฏที่ใด ในข้อความสันสกฤต ของอวตังสกสูตร และยังไม่มีอยู่ในพจนานุกรม สันสกฤตของเอ็ดเจอร์ตันด้วยข้อความจาก “ซูมาชิงไห่เป็น ปรมาจารย์หญิง แห่งอวตังสกสูตรไหม?” : ชื่อ “Bà Tu Môt DA” แปลมาจากชื่อภาษาสันสกฤต “วซูมาตรา” (ชื่อปลอม แต่งขึ้น เพื่อหลอกลวงคนดี พระนามจริงของท่านคือ วาสุมิตรา) อักษร “Va” (วะ) ที่ขึ้นต้น เป็นหัวหรือคำนำหน้าของคำ อักษร “Suma” (ซูมา) ตรงกลาง เป็นเนื้อความหรือส่วนหลัก ของคำ (หมายเหตุ: ชื่อปลอม พระนามจริงของท่านคือ วาสุมิตรา) และอักษร “Tra” (ตระ) ที่ท้าย เป็นคำต่อท้ายหรือหางของคำ เมื่อแปลจากภาษาสันสกฤต คำว่า “วซูมาตรา” จะกลายเป็น “Bà Tu Mật Đa” ในภาษาเวียดนาม มาจาก “วซูมาตรา” พระตถาคตได้ทรงทำนาย ชื่อ ซูมา อย่างลึกลับ โดยยืมคำ “ซูมา” จาก “วซูมาตรา”ระวัง: คำกล่าวอ้างของ เหว่บู๋ ไม่ได้รับการสนับสนุน จากข้อความสันสกฤต ของอวตังสกสูตร
และเขาก็เปลี่ยน เรื่องราวไปโดยสิ้นเชิงด้วย ในบทนั้น มีคำอธิบายของ ผู้บำเพ็ญทางจิตวิญญาณ ชื่อของเขาในภาษาเอาหลัก (เวียดนาม) คือ เถียน ไต ด่ง ตื่อ ในภาษาจีนคือ 善财童子 (ช่านไฉ ถงจื่อ) และจริง ๆ แล้ว ในพระสูตร ชื่อของเขา คือ สุธนะ ดังนั้น ไม่มีอะไร เกี่ยวกับ เหว่บู๋เลย แต่เหนือชื่อ สุธนะ – ช่านไฉ ถงจื่อ – เขา เหว่บู๋ กล่าวว่า ช่านไฉ ถงจื่อ สุธนะ – ชื่อของ ผู้บำเพ็ญทางจิตวิญญาณชายผู้นั้น – มีรูปของ พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้าในพระสูตรดั้งเดิม ไม่มีว่า "ช่านไฉ ถงจื่อคือ พระศรีอริยเมตไตรย" เลย ไม่มี เขาเปลี่ยนชื่อ พระโพธิสัตว์พระองค์นั้น และเปลี่ยนเรื่องราวของ ช่านไฉ ถงจื่อ เหตุผลที่เขาเปลี่ยน และเพิ่มพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า เข้าไปก็เพราะว่าในภาษาเอาหลัก (เวียดนาม) เขาเรียกตัวเองว่า หรือบางทีเขาอาจจะเคยเป็น ด่ง ตื่อ ด่ง ตื่อ ในภาษาเอาหลัก (เวียดนาม) เป็นอีกคำหนึ่ง - ที่หมายถึง "คนทรง" คนทรงประเภทอื่น ในศาสนากาวด่าย เราก็เรียกว่า "คนทรง"เขายังเป็นคนทรงอีกด้วย เขาจึงต้องการซิกแซกสถานะ หรือตำแหน่งของเขา เป็นชื่อ ช่านไฉ ถงจื่อ เถียนไต ด่ง ตื่อ มันไม่อะไรเกี่ยวข้อง กับเขาเลย มี เถียนไต ด่ง ตื่อ เพียงคนเดียวเท่านั้น หมายถึง สุธนะ เพียงคนเดียว และ ท่านไม่ใช่ “ร่างทรง” นามของท่าน เพราะช่านไฉ ถงจื่อ เป็นผู้เดียวเท่านั้นที่ตั้งชื่อนั้นที่เป็น... มันเป็นเรื่องยาว ที่ท่านไปที่นั่นอย่างไร แต่ท่านคืออัครสาวก ของพระโพธิสัตว์กวนอิมและพระโพธิสัตว์กวนอิม มีอัครสาวกสองคน คนหนึ่งเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ชื่อ หลงนู้ ส่วนใหญ่ ท่านจะอยู่ทางด้านขวา ของพระโพธิสัตว์กวนอิม และเด็กชาย ช่านไฉ ถงจื่อ - ซึ่งก็คือ สุธนะ อยู่ด้านซ้ายของท่าน พวกท่านทั้งสองเป็นอัครสาวก ของพระโพธิสัตว์กวนอิม และตอนนี้ ชายคนนี้ แม้ว่าชื่อของเขาจะเป็น "ด่ง ตื่อ" ก็ตาม มันก็ไม่เกี่ยวข้อง กับช่านไฉ ถงจื่อ เลย ฉันหวังว่าฉันจะทำให้ตัวเองชัดเจน ฉันต้องอธิบาย ให้คุณฟังเล็กน้อยเช่นนั้น แต่ถ้าคุณต้องการทราบ เกี่ยวกับช่านไฉ ถงจื่อ อัครสาวกของพระโพธิสัตว์กวนอิม เราต้องมีอีกครั้งหนึ่งไว้เล่า เกี่ยวกับพระสูตร และเรื่องเล่าในพระพุทธศาสนาทีนี้ ชายผู้นี้ เหว่บู๋ เขาจงใจให้ถูกเรียกว่า พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า ที่จริงแล้ว เขาไปบรรยาย หรืออะไรทำนองนั้นที่ไหนสักแห่ง ฉันไม่เคยรู้จักเขา จนกระทั่งสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันไม่รู้ว่า เขาเรียกตัวเองว่า เมตไตรย หรืออะไรก็ตามที่เขาเรียกตัวเอง เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ฉันเพิ่งเห็นงานเขียนของเขา บนอินเทอร์เน็ต เกือบจะในเวลาเดียวกับ การค้นพบของปีศาจเจิ่นตัม ทันใดนั้น พวกเขาทั้งสองก็มาด้วยกัน และฉันคิดว่า เขาเขียน คำสรรเสริญเกี่ยวกับฉัน แต่เขาให้ชื่อ พระพุทธเจ้าอีกชื่อหนึ่งแก่ฉัน พระโพธิสัตว์แห่งปัญญา พระมัญชุศรี พระมัญชุศรี ฉันบอกคุณไปแล้วว่า ท่านเป็นคนแรก ที่เข้ามาในร่างของทารก ซึ่งต่อมา ฉันใช้เป็นร่างกายของฉัน เป็นวิหารของฉัน สำหรับการนมัสการพระเจ้า และพันธกิจของพระเจ้า ฉันบอกคุณแล้ว หนึ่งในข่าวฟลาย-อิน ฉันจึงไม่อยากพูด เรื่องนั้นอีก มันยาวเกินไปมีหลายสิ่ง ให้พูดมากเกินไปฉันหวังว่าฉันมีเวลามากขึ้น มากกว่า 365 วันต่อปี คุณไม่รู้เลย - บ่อยครั้ง ฉันกินอาหารตรงเวลาไม่ได้ ฉันนอนไม่หลับ และต้องทำสมาธิเยอะ ฉันหวังว่าฉันจะทำสมาธิได้เพิ่มขึ้น เพื่อดูแลโลก แต่สุพรีมมาสเตอร์ทีวี ก็เป็นส่วนหนึ่งของมันเช่นกัน ดังนั้น ฉันละเลยไม่ได้ หลายครั้ง มีงานมาก มาพร้อม ๆ กัน และฉันแค่กล่าวอำลาการนอน หลายวัน หลายคืน ฉันนอนไม่ได้ ฉันไม่สามารถ ไม่มีเวลา ปรุงอาหารก็ไม่ได้ด้วย ข้าวและงา มันไม่มีเวลาเลย แค่คว้าอะไรสักอย่าง อาจจะขนมปังสองสามแผ่น ขนมปังน้ำตาล แล้วก็กินมัน กับอะไรก็ตามที่ฉันมี หรือไม่ทาอะไรเลย หรือแค่พวกเนยวีแกน มันใช้ได้ ฉันยังมีชีวิตอยู่ แค่ไม่นานมานี้ กรรมมากเกินไป ฉันเหนื่อยมาก แต่ฉันพักเมื่อใดที่ฉันทำได้ ตอนนี้ ทำไมฉันพูดมากนักเกี่ยวกับมัน?ตรงไปที่เหว่บู๋กัน ฉันไม่มีเวลามากพอ ที่จะคิดถึงเขา ที่จะจัดการหรือทำอะไรเลย แต่ฉันพูดถึงเขา โดยไม่เอ่ยชื่อของเขา เพราะฉันไม่อยาก ให้เขาอับอาย ฉันไม่ต้องการให้ผู้คนรู้จักเขา หรือบางที บางคนที่รู้จักเขาจะมาตั้งคำถาม และท้าทายเขา ฉันไม่ชอบสิ่งนั้น เพราะฉันไม่มีเวลา ที่จะตรวจสอบเขา จนกระทั่งหลายวันก่อน เพียงเพราะฉันได้รับข้อความทั้งหมด เหล่านี้ เกี่ยวกับเขาจากนั้น นักบุญแห่งกาวด่าย บอกฉันว่า “เขาเป็นผีก่อกวน” ไม่ใช่ปีศาจ ผี ฉันคิดว่าคล้ายกัน พลังน้อยกว่านิดหน่อย ผีก่อกวน ซึ่งไม่ฟัง พระองค์ท่าน ราชา แห่งผีก่อกวน และไม่ได้ไปสวรรค์ ที่ฉันสร้างไว้ให้พวกเขา ยังมีอีกมากมาย ที่ยังวนเวียนอยู่บนโลก พวกเขาส่วนมากซ่อนตัวอยู่ใน รูปลักษณ์และร่างกายของมนุษย์ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องการที่จะไป หรือพวกเขาแค่อยากจะอยู่ และสร้างปัญหา หรือเพลิดเพลิน กับอาหารทางกาย หรืออะไรก็ตามที่เป็นทางกาย นั่นคือเหตุผล ที่ “เขากินเนื้อ (สัตว์) และดื่มไวน์” - ไม่ใช่ทุกวัน แต่ “เขาจะทำ เมื่อเขารู้สึกเช่นนั้น” ฉันได้รับการบอกมาแบบนั้นฉันไม่รู้จักผู้ชายคนนี้มาก่อน แน่นอนว่า ฉันมีลูกศิษย์มากมายเกินไป บางส่วนเป็นของปลอมล้วน ๆ! และผีก่อกวน ที่ซ่อนอยู่ในร่างมนุษย์นี้ ไม่ใช่ลูกศิษย์ที่แท้จริง เขาแอบเข้ามาเพียงเพื่ออุบายต่ำช้า เนื่องจากตอนนี้มันชัดเจนเกินไป! โอ้ พระเจ้า ทุกอย่างจะดีขึ้น ถ้าสิ่งหยาบช้านี้ไม่มีอยู่ อย่างรบกวนจิตใจอีกต่อไป! เสียเวลามากเกินไป เพราะทุกวันนี้เรามี อันตรายมากมาย ทั้งการทำร้าย ฆ่าผู้คน และ สรรพชีวิตในโลกของเรา จนเราต้องหาทางแก้ไข อย่างรวดเร็วเพื่อความอยู่รอด! ไม่เหมือนผู้ชายคนนี้ – ไม่มีอะไรจะทำนอกจาก พูดและทำตัวเหมือน คนวิปลาสที่แย่และโง่เขลาที่สุด!ฉันเพิ่งจะรู้จักพวกเขา (ลูกศิษย์) ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยจิตวิญญาณพวกเขา และฉันก็ไม่มีเวลา ที่จะตรวจดู ทีละคนทุกวัน เว้นแต่จะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น เช่นนี้ ที่เขาปลอมพระนาม ของพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า และเปลี่ยนแปลงพระสูตร นี่เป็นบาปอันใหญ่หลวงที่เขาทำ และอ้างว่า เขาคือช่านไฉ ถงจื่อ ด้วย หรือที่รู้จักกันว่า สุธนะ อัครสาวกของพระโพธิสัตว์กวนอิม โดยที่เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อะไรเลยกับเรื่องนี้ และเขาอ้างว่า เขาเคยเห็น อดีตชาติมากมายของเขานักบุญแห่งกาวด่าย บอกฉัน “มันเป็นเรื่องโกหก” แล้วพวกท่านก็ขอให้ฉัน บอกโลก เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “เหว่บู๋ เขาถูกศาสนากาวด่าย ประณาม มานานแล้ว เขาออกมา หลังจากรอนานมาก ที่จะมีโอกาส อ้างตนเป็นพระพุทธเจ้า อย่างผิด ๆ มันเป็นบาปอันใหญ่หลวงที่เขาทำ” เขาจะทำอะไรได้? ตลอดชีวิตของเขา เขาไม่ได้ทำอะไรเลย “ใช้ชีวิตเป็นสาวกกาวด่าย! แล้วเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ แล้วก็แอบเข้ามา ในสมาคม... เขาอ้างว่าเขาพยายามค้นหา หนทางและทั้งหมดนั้น ไม่ เขาแค่ไปวัดกาวด่าย ในฐานะคนหาผลประโยชน์ เพื่อแสวงหาผลกำไร จากชื่อเสียง โชคลาภ และความสะดวกสบาย นอกจากนี้เขายังแอบเข้าไปในกลุ่ม ประทับจิตของท่านด้วยเหตุผลเดียวกัน”Photo Caption: เราเคยเจอกันไหม? ใช่ ทุกที่ แม้แต่ริมถนน แค่คุณไม่เคยสังเกตเห็น! สิ่งต่ำต้อยอย่างหญ้า!
